ถ้ารู้เบื้องลึก...ก็จะรู้ว่าคุณค่าของ SEAWEED นั้นไม่ธรรมดาเลย

หน้าหลัก » บทความสุขภาพ » Knowledge » ถ้ารู้เบื้องลึก...ก็จะรู้ว่าคุณค่าของ SEAWEED นั้นไม่ธรรมดาเลย
          ก่อนจะย่างเข้าปี 2011 ไม่กี่วัน ผู้เขียนได้มีโอกาสไปฟังบรรยายที่โรงแรม Plaza Athenee ซึ่งวิทยากรก็ไม่ใช่ใครอื่น หลายๆท่านคงคุ้นเคยกันบ้างแล้ว ท่านวิทยากรก็คือคุณ LYDIA SARFATI ผู้ก่อตั้งและปัจจุบันก็เป็น CEO ของบริษัทREPECHAGE ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงทางด้านผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและ skin care แห่งหนึ่งของ USA นั่นเอง
 
          ท่านวิทยากรได้บรรยายถึงชนิดและคุณค่าต่างๆ ของ SEAWEED รวมถึงกรรมวิธีในการเก็บเกี่ยว และผลิตจนมาเป็นผลิตภัณฑ์สู่ผู้บริโภค ได้อย่างเห็นภาพชัดเจน ผู้เขียนจึงขอถือโอกาสนี้สรุป และผนวกรวมกับสิ่งที่ได้ไปค้นคว้าเพิ่มเติม นำมาเล่าต่อให้คุณผู้อ่านทราบ เท่าที่หน้ากระดาษจะอำนวยนะครับ  
 
          นักชีววิทยาได้จัด SEAWEED ให้อยู่ในอาณาจักรโปรติสตา (Kingdom Protista) ไม่ใช่อาณาจักรพืช (plant Kingdom) นะครับ  แต่SEAWEED มีความคล้ายคลึงกับพืชบางประการก็คือ เป็น Autotroph (autotroph = การสร้างอาหารเองได้ซึ่งก็มาจากการสังเคราะห์แสงนั่นเองส่วนสัตว์ และเห็ดราเป็น Heterotroph นั่นคือสร้างอาหารเองไม่ได้ ต้องอาศัยสารอาหารที่มาจากสิ่งมีชีวิตอื่น) การที่มันสังเคราะห์แสงได้นั้น มันก็จำเป็นที่จะต้องมีรงควัตถุที่ใช้ในการดูดแสงเช่นเดียวกับพืช ก็คือพวกคลอโรฟิลนั่นเอง เราจึงเห็น SEAWEED มีสี ซึ่งก็มีหลายๆ สีเช่นเดียวกับพืช ขึ้นกับว่า SEAWEED ชนิดนั้นมีคลอโรฟิลชนิดอะไร โดยหลักๆ แล้วถ้าเป็น SEAWEED ชนิดที่อยู่ตื้นไม่ลึกจากผิวน้ำสักเท่าไร พวกนี้จะได้รับแสงสีขาว ซึ่งคลอโรฟิลที่เหมาะที่สุดคือสีเขียว เราจึงเห็น SEAWEED ที่อยู่ตื้นๆ มีสีเขียว (Green Algae) แต่ถ้าลึกลงไปอีก แสงที่ผ่านลงไปจะเป็นสีเขียว รงควัตถุที่เหมาะก็จะเป็นสีออกไปทางสีน้ำตาล เราจึงเห็น   SEAWEED ในน้ำระดับปานกลางสีน้ำตาล (Brown Algae) ส่วนในน้ำลึกมากๆ แสงที่ตกไปถึงจะเป็นสีน้ำเงินเข้ม รงควัตถุที่เหมาะก็จะต้องเป็นสีแดง (Red Algae) ระดับความลึกจึงเป็นปัจจัยหนึ่งในการกำหนดสีของSEAWEED
 
          ผู้เขียนมีความเห็นว่า การดำรงชีวิตของ Seaweed ก็นับเป็นสิ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยทีเดียว seaweed นั้นอาศัยอยู่ในน้ำทะเล ซึ่งก็มีความเข้มข้นค่อนข้างสูง อีกทั้งยังไม่คงที่ด้วย ซึ่งความเข้มข้นของน้ำทะเลก็จะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คุณผู้อ่านสงสัยไหมครับว่า มันสามารถคงดุลยภาพของน้ำในเซลล์ไว้เพื่อจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร? ถ้าคุณผู้อ่านจำกันได้ตอนเรียนวิชาชีววิทยา ม.ปลาย เรื่อง OSMOSIS หรือการแพร่ของสารผ่านเยื่อเลือกผ่าน (semipermeable membrane) สมมติว่าถ้าเราเอาสารละลายที่มีความเข้มข้นไม่เท่ากันใส่ถุงที่เป็น membrane ไว้แล้วรอสักพักก็จะเกิดปรากฏการณ์ดังรูป
 
 
กรณีที่1 ถ้าในถุงมีสารละลายที่มีความเข้มข้นสูงกว่าข้างนอก น้ำจากข้างนอกจะซึมผ่าน membrane เข้าข้างในทำให้ถุงโป่งขึ้น จนกว่าความเข้นข้น จะเท่ากัน หรือไม่ก็ถุงเต่งจนทนไม่ไหว มันก็แตก 
 
 
กรณีที่2 ในทางตรงข้ามถ้าในถุงความเข้มข้นต่ำกว่า น้ำก็จะซึมออกจนถุงเหี่ยว เพราะเสียน้ำไป 
 
          เปรียบเทียบกับเซลล์ของ seaweed ก็เช่นกัน เมื่อแช่อยู่ในน้ำทะเลที่มีความเข้นข้นมากกว่าในเซลล์ ผนวกกับบางครั้งบางคราว  seaweed ที่อยู่ในระดับผิวๆ น้ำจะต้องเกยหาดโดนทั้งกระแสลม และแสงแดดอันร้อนแรง เซลล์ของมันมีการป้องกันการเสียน้ำได้อย่างไร?ทำไมเซลล์ของมันไม่เหี่ยวแห้งล่ะครับ
           
 
          คำตอบนี้นักวิจัยได้พบแล้วครับว่า เซลล์สาหร่ายมีสารที่เรียกว่า  hetero-polysaccharide ซึ่งเป็นสารที่ทรงประสิทธิภาพมากในการดึงน้ำไว้กับเซลล์ จึงทำให้เซลล์ของมันกักเก็บน้ำไว้ได้อย่างพอเพียง แม้ในสภาวะที่น้ำทะเลมีความเข้มข้นสูง หรือเมื่อเจอกับภาวะการที่ต้องเกยตื้นโดนทั้งกระแสลมและแสงแดด ซึ่งจากคุณสมบัติของสารที่ว่านี้เราจึงนำมาสกัด  ทำเป็น Moisturizer ซึ่งก็สามารถให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ดีมาก  
 
          สารอีกตัวที่ผู้เขียนรู้สึกว่ามันน่าสนใจก็คือ Fucoidans ซึ่งเป็นสารประเภท Polysaccharide หรือพูดง่ายๆ ก็จัดเป็นน้ำตาลชนิดหนึ่ง   สารตัวที่ว่านี้พบมากในผนังเซลล์ของสาหร่ายสีน้ำตาล (Brown Seaweed)
คุณสมบัติของสารที่ว่านี้มันมากมายจริงๆ มันมีประโยชน์กับแทบทุกระบบ  ของร่างกาย ทั้งการช่วยลดระดับไขมันในเลือด ต้านเซลล์มะเร็ง ซึ่งท่านผู้อ่านจะสามารถค้นข้อมูลดูเองได้จึงไม่ขอกล่าวถึง ส่วนที่อยากจะกล่าวถึงก็เฉพาะผลกับผิวหนัง นักวิจัยพบว่าสาร Fucoidans นี้มีฤทธิ์ antioxidant นั่นก็คือมันสามารถชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง ซึ่งก็จะทำให้ผิวแข็งแรงและเต่งตึง และฤทธิ์อีกอย่างของมันก็คือ ต้านการอักเสบAntiinflammation มันก็จะดีกับพวกผิวแพ้ง่าย ผิวระคายเคืองเก่ง อีกทั้งการอักเสบโดยทั่วไปก็จะตามมาด้วยความหมองคล้ำ มันจึงสามารถลดความหมองคล้ำได้ไปในตัว
 
         คุณผู้อ่านที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ทราบไหมครับว่า ตลอดเวลา ที่เรายังมีชีวิตกันอยู่อย่างปกติสุขนี้ ร่างกายของเราก็ถูกบุกรุกตลอดเวลา!!!!ก็พวกเชื้อโรคชนิดต่างๆ นั่นเอง แต่ทำไมเราถึงไม่เป็นอะไรล่ะครับ? นั่นมันก็เพราะเรามีกลไกอย่างเช่น เม็ดเลือดขาว มีภูมิคุ้มกัน ทำหน้าที่สกัดกั้นไว้ป้องกันการรุกราน....แต่พวก SEAWEED มันไม่มีเม็ดเลือดขาว ไม่มีภูมิคุ้มกันเลย แล้วมันอยู่ได้อย่างไรโดยไม่โดนบุกรุก?....นักวิจัยพบว่า SEAWEED สามารถสังเคราะห์สารต้านจุลชีพ (antimicrobial) ไว้ ป้องกันตัว และนักวิจัยทางเภสัชวิทยาก็พยายามสกัดสารเหล่านี้ออกมาได้แล้ว ซึ่งคงเป็นประโยชน์มหาศาลกับวงการแพทย์
 
         ยังมีสารอีกหลายตัวจาก SEAWEED ที่มีคุณประโยชน์โดยเฉพาะพวกสารอาหาร แร่ธาตุ และวิตามินนานาชนิด ผู้เขียนจะขอไม่ลงรายละเอียดนะครับ
 
         ติดตามกันมาถึงตอนนี้ผู้เขียนเดาว่าท่านผู้อ่านหลายๆ ท่านคงกำลังเตรียมชุดประดาน้ำ และถังออกซิเจนเพื่อจะไปงมสาหร่ายกันแล้วแต่อย่าหาว่าขัดคอเลยนะครับ ขอแนะนำว่าอย่าเลยครับ เพราะขบวนการผลิตเป็นเรื่องสลับซับซ้อนอย่างยิ่งยวด เริ่มตั้งแต่การเก็บ เป็นต้นว่าจะต้องเป็น SEAWEED จากประเทศฝรั่งเศส จะต้องเป็นฤดูที่เก็บเกี่ยวได้ ซึ่งก็เป็นช่วงที่น้ำทะเลสะอาดที่สุด เก็บได้จะต้อง FREEZ ทันทีเพื่อให้คุณค่าคงอยู่ในระหว่างการขนส่งมายังประเทศสหรัฐอเมริกา มาถึงโรงงานที่ผลิต ก็ต้องเป็นโรงงานที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการผลิต และก็ต้องมีห้องวิจัยที่
ทันสมัย
 
        สุดท้ายนี้เท่าที่ผู้เขียนสืบทราบมาว่าคุณ LYDIA SARFATIมีประสบการณ์เกี่ยวกับ SEAWEED มาร่วม 30-40 ปี จนได้รับฉายาว่า“QUEEN OF SEAWEED” ซึ่งฉายานี้ คงไม่ได้มาเพราะความบังเอิญหรอกครับ
 
 
จาก : นิตยสารเพื่อนแพน Vol.28 No.181 ISSUE 2/2554 หน้า 14A-15A

จำนวนเข้าชม 7027 ครั้ง | หมวด Knowledge | บทความโดย : นพ.พรเลิศ ตรีทศเดช | เมื่อ : 18 มีนาคม 2558, 13:03:08

Health Tips Recommend

บทความโดย แพนคลินิก | 1749 views
บทความโดย ศิริรัตน์ | 54 views